ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

หลายคำถาม ไร้คำตอบ


อีกกี่ร่างจะร่วงหล่นบนแดนนี้
อีกกี่ร้อยชีวีที่สูญสิ้น
อีกกี่ศพกี่ซากฝังฝากดิน
ประชาชนจะยลยินยุติธรรม

อีกกี่ทุกข์ทับถมจมกองเถ้า

อีกกี่เศร้ากี่โศกวิโยคซ้ำ
อีกกี่เจ็บกี่ใจไหม้ระกำ
ปวงไพร่ฟ้าตาดำดำจึงได้ดี

อีกกี่หวังวาดไว้ในความฝัน

อีกกี่รอรอวันนั้นจวบวันนี้
อีกกี่ภาพให้พึ่งพิงสิ่งที่มี
อีกกี่ปี อีกกี่เดือน อีกกี่วัน

อีกกี่คำซ้ำซ้ำย้ำความคิด

อีกกี่ถูกอีกกี่ผิดที่ปิดกั้น
อีกกี่รักจึ่งมากล้นพ้นรำพัน
อีกกี่ฝันต้องฝังไว้ฝุ่นใต้ตีน
มหาละคอนแห่งลิเกย์




บทลิเกย์ละคอนอันร้อนร่าน
บนหลักการแห่งหลักกูคู่แดนฟ้า
ออกคำสั่งหลังม่านตระการตา
เผยเพียงภาพมายาอันยั่วยวน


มโหรีเล้าโลมประโคมลั่น
ฆ้อง ปี่ พาทย์ ระนาดพลัน ซร้องกำศรวล
ฉาบ ฉิ่ง ซอ ขลุ่ย ตะเข้ เข้าตีตรวน
ด้วยกระบวนอันโหดร้ายและรุนแรง


ทุกบทตอนสอนสั่งให้สยบ
ต้องน้อมนบในความดีที่สาดแสง
บนเวทีที่เทพไท้ได้แสดง
ทุกบทแฝงภาพฝันจรรโลงใจ


เสรีภาพฉาบน้ำตาลที่หวานหอม
ต้องสมยอมยกย่องต้องกราบไหว้
เสรีภาพเพียงแผ่วบางอยู่ข้างใน
มิอาจให้ใครรู้เห็นเป็นโทษทัณฑ์


ไพร่ก็เพียงเป็นผู้ชมต้องชื่นชอบ
ตามระบอบระเบียบที่เหยียบหยัน
ต่างสำแดงแสร้งว่าสุขทุกคืนวัน
คุณเอนกนับอนันต์นะเมตตา


บทลิเกย์ละคอนยังร้อนรุ่ม
ดั่งไฟสุมก้อนเส้าเผาไพร่ฟ้า
ให้สุกปลั่งมลังเมลืองเมืองมายา
นามมหาละคอนแห่งลิเกย์

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555

And Justice For All


ยุติธรรมคำนี้มีข้อแม้
มอบให้แด่คนดีที่คัดสรร
คนของเขา-คนของเรา ไม่เท่ากัน
แยกชนชั้นชาติกำเนิดแห่งรูปนาม

ยุติธรรมคำนี้ที่กังขา
เป็นปัญหาคาใจในข้อห้าม
ต้องเคารพนบน้อมต้องยอมตาม
ต้องอย่าถามอย่าทักถึงหลักใด

ยุติธรรมคำนี้ที่ยกเว้น
ข้อกำหนดกฎเกณฑ์อันก่อไว้
นำเสนอเพื่อสนองคนของใคร
โทษน้อยใหญ่เพื่อรับใช้หรือเชิดชู

ยุติธรรมคำนี้มีข้อห้าม
ยุติความเป็นไทไร้ทางสู้
ยุติความคิดฝันอันพรั่งพรู
ยุติความใคร่รู้...อยู่ดักดาน

ยุติความตามคดีที่สับสน
ยุติความอับจนบนหลักฐาน
ยุติความตระหนักในหลักการ
ยุติความร้าวฉานด้วยตะราง

ยุติความตามโจทย์ที่จัดตั้ง
ยุติความตามสั่งทั้งสองข้าง
ยุติความตามใจไร้ทิศทาง
ยุติความตามอย่างอันแยบคาย

ยุติธรรมคำนี้มีปัญหา
กี่มาตรามากำหนดเป็นกฎหมาย
ทั้งพยานแลหลักฐานที่เรียงราย
ตัดสินความเป็น-ตาย ตามคดี

ยุติธรรมคำนี้มีคำถาม
เป็นนิยามของใครในแดนนี้
สนองชาติชั้นชนคนมั่งมี
เป็นนรกอเวจีแด่คนจน

คำตัดสินนั้นสิ้นสุดซึ่งสงสัย














ข้าแต่ศานพะนะท่านที่เคารพ
ขอน้อมนบจบฝ่ามือแลหมอบไหว้
ท่านสูงส่งซื่อตรงตามแต่ใจ
เลือกทางไหนไม่พลาดพลั้งสักครั้งเดียว

จะเลือกซ้ายเลือกขวาต้องว่าถูก
จะเลือกแก้แลเลือกผูกถูกทุกเที่ยว
ท่านทำถูกทุกสิ่งจริงจริงเชียว
ท่านจริงใจไม่ข้องเกี่ยวกับเล่ห์กล

ข้าแต่ศานพะนะท่านที่นับถือ
ร้อยเรื่องราวเล่าลือก็ไร้ผล
ใครประจานว่าหน้าด้านแลหน้าทน
ฤาจะหม่นหมองใจไม่มีวัน

ท่านตัดสินว่าสิ้นสุดซึ่งสงสัย
จะมีใครไปยุแย้งฤาเยาะหยัน
ด้วยภูมิรู้หมู่ไพร่ไม่เทียมทัน
สารขัณฑ์อันสูงส่งด้วยธงนำ

ด้วยอำนาจแห่งอำมาตย์มิอาจเสี่ยง
ไม่พอเพียงเลี้ยงชุบอุปถัมภ์
แลจานเจือเกื้อหนุนคุณธรรม
สร้างความจำ จะจงรักแลภักดี

ข้าแต่ศานพะนะท่านที่รักยิ่ง
ทุกทุกสิ่งที่ทำไปในวันนี้
เกิดอภิมหาอนุสาวรีย์
ให้เป็นที่เชิดชูและบูชา

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555



เมื่อความคิดแผกแยกเป็นฝ่าย
ในจุดหมายแตกต่างปลายทางฝัน
ที่เคยรวมร่วมสร้างทางด้วยกัน
กลับทิ่มตำห้ำหั่นเข้าบั่นทอน


เคยเคียงคู่สู้เคียงข้างกลางสนาม

เปิดสงครามเสรีที่เร่าร้อน
ท้องถนนบนทางเท้าในนาคร
เป็นที่นอนที่กินร่วมกันมา


โค่นอำมาตย์ทรราชอันชั่วร้าย

ด้วยจุดหมายจะไม่ค้อมยอมเป็นข้า
จะหยุดพ้นจากไพร่ใต้บาทา
จึงพร่ำเพรียกเรียกหาประชาธิปไตย


วันเป็นเดือน เดือนเป็นปีที่ต่อสู้

ยืนเคียงคู่ไม่ครั่นคร้ามความเคลื่อนไหว
มหาชนบนแคว้นถิ่นแดนไทย
รวมทั้งโลกกว้างใหญ่ได้ร่วมแรง


เราก็เหมือนเพื่อนสนิทมิตรสหาย

ร่วมท้าทายฝ่ายอำมาตย์อำนาจแฝง
เป็นนิยามนามใหม่ว่าไพร่แดง
ประกายแสงสุกสว่างกลางผืนดิน


ทั้งวันคืนยืนอยู่สู้ไม่ถอย

ร่วมรอคอยด้วยความหวังยังไม่สิ้น
ถึงจุดเดือดเลือดไพร่ต้องไหลริน
ต้องกัดกินก้อนเลือดแลน้ำตา


บ้างบาดเจ็บบ้างล้มตายหลายชีวิต
บ้างก็ติดคุมขังดั่งหมูหมา
ได้รู้เช่นเห็นชาติอมาตยา
อุดมการณ์ยิ่งแก่กล้ายิ่งท้าทาย


ถึงวันนี้ที่คิดต่างแยกทางฝัน

วางขีดคั่นแยกความเห็นเป็นฝักฝ่าย
จะหักโหมโจมตีกันถึงตาย
หากจะพ่ายเพราะมึง-กู สู้กันเอง

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โฆษณา



กาลเวลาล่วงเลยเผยสิ่งเร้น

สิ่งที่เห็นมิได้เป็นเช่นคำกล่าว
ภาพที่เห็นมิได้เป็นเช่นทุกคราว
ทุกเรื่องราวเป็นลิเกย์แลละคอน


โฆษณาพาใจให้คาดหวัง
ว่าคนยังคลั่งไคล้ไม่ถ่ายถอน
โฆษณาแต่เช้าจวบเข้านอน
เอื้ออาทรทุกวันทุกชั้นชน


ถูกปลูกฝังตั้งแต่เกิดจนแก่เฒ่า
เมืองไทยเราแสนดีมีสุขล้น
แม้นทุกข์ยากลำบากนักจักต้องทน
ต้องเจียมตนเจียมตัวไปตามกรรม


ทุกโรงเรียนเพียรสอนแต่อ้อนออก
ไม่ต้องคิดคุณครูบอกแลตอกย้ำ
ให้เด็กน้อยพยักหน้าตาดำดำ
เชื่อฟังคำคุณครูทุกถ้อยความ


อนุบาลผ่านประถมก็รู้ทั่ว
เหมือนควาย งัว คิดสงสัย อย่าได้ถาม
สักการะเคารพยิ่งสิ่งดีงาม
ทุกโมงยามย้ำเตือนตลอดมา


มัธยมยังยัดเยียดนิยายฝัน
เป็นเรื่องราวพิลึกพิลั่นอันเก่งกล้า
ประวัติศาสตร์สุโขทัย-อยุธยา
แล้วข้ามมาธนบุรี-จักรีวงศ์


มีมหาวิทยาลัยแห่งไหนสอน
เกินกว่าบทละคอนอันสูงส่ง
ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์แลเผ่าพงศ์
ระเริงหลงเป็นลิเกย์เทวดา


โฆษณาพาใจให้เคลิ้มฝัน
สมองตีบสมองตันกันทั่วหน้า
ต้องตอกย้ำด้วยถ้อยคำโฆษณา
เหมือนหนึ่งว่า ข้า ทาส ไพร่ ไร้ความคิด.........

หนึ่งหนึ่งสอง



หนึ่งหนึ่งสอง
ท่วงทำนองที่แน่นหนักในรัก-หลง
เกิดคำถามตามมาว่าดำรง-
ความมั่นคงของชาติ?-ประชาชน?

หนึ่งหนึ่งสอง
ความปรองดองวูบดับด้วยสับสน
เมื่อคุณค่าของนิยามความเป็นคน
ยังเวียนวนเวียนว่ายใต้หมอกควัน

หนึ่งหนึ่งสอง
จึงร่ำร้องร่ำไรในความฝัน
เมื่อความคิดเห็นห่างแยกทางกัน
แล้วโรมรันรุกเร้าเข้าต่อตี

หนึ่งหนึ่งสอง
จะปกปัองปกปักด้วยรักนี้
คำนิยมจากนิยามความภักดี
จึงพร้อมใจใส่สีแลสุมไฟ

หนึ่งหนึ่งสอง
บ้างว่าต้องเปลี่ยนแปรแล้วแก้ไข
บ้างว่าต้องร้างราเลิกกันไป
บ้างก็ว่าเก็บไว้ให้เหมือนเดิม

หนึ่งหนึ่งสอง
ที่อาจมองเบื้องหน้าว่าส่งเสริม
มองเบื้องหลังเห็นเงื่อนงำว่าซ้ำเติม
ยิ่งจะเพิ่มรอยแยกแตกกระจาย

หนึ่งหนึ่งสอง
ใส่ทำนองดนตรีแห่งผีร้าย
รำเริงรำรุมกระหน่ำซ้ำให้ตาย
ถึงที่สุดแห่งจุดหมายในการเมือง

หนึ่งหนึ่งสอง
จะรับรองความหรูและฟูเฟื่อง
ประชาชนปรนปรุงความรุ่งเรือง
อันสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง